วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

อาหารไทยต้นตำรับ

        

      ส้มตำ


แกงเขียวหวานปลาหมึกยัดไส้


ปลาหมึก
เนื้อปลากรายขูด
พริกแกงเขียวหวาน
กะทิ
หน่อไม้
ข่า
กระชาย
โหระพา
น้ำปลา
น้ำตาล
พริกชี้ฟ้าหั่นบางๆ
ส่วนผสมเมนูอาหารไทยแกงเขียวหวานที่ 1
แกงเขียวหวานปลาหมึกยัดไส้

 
ส่วนผสมเมนูอาหารไทยแกงเขียวหวานที่ 1
แกงเขียวหวานปลาหมึกยัดไส้
ปลาหมึก
เนื้อปลากรายขูด
พริกแกงเขียวหวาน
กะทิ
หน่อไม้
ข่า
กระชาย
โหระพา
น้ำปลา
น้ำตาล
พริกชี้ฟ้าหั่นบางๆ
 


วิธีทำอาหาร เมนูไทยแกงเขียวหวานที่ 1แกงเขียวหวานปลาหมึกยัดไส้1.มายัดไส้ปลาหมึก ด้วยปลากรายบด ใช้ปลายช้อนกาแฟเล็กๆ
แล้วแต่ความถนัดแต่ละคน ว่าจะใช้อะไร ช่วยให้ง่ายขึ้น

2.ไม่ควรจะยัดแน่นเกิน เพราะเวลาสุกแล้วไส้อาจทะลักออกมาได้
3.กรีดเพื่อ ความสวยงามและเผื่อให้ ปลากราย ขยายตัว เมื่อสุก
แล้วก็นำไปนึ่ง โดยใส่ข่าลงไปในน้ำที่นึ่งด้วย เพื่อดับกลิ่นคาว
ใส่ปลาหมึกลงไปหลังจากที่น้ำในหม้อนึ่งเดือดแล้วนะคะ
4.ไม่ต้องนึ่งนานค่ะ ใส่หลังจากน้ำเดือดแล้ว สัก สาม นาที ก็พอ

5.ผัดเครื่องแกงเขียวหวานกับกะทิให้เข้ากัน เติมหน่อไม้ 6.เติมน้ำปลา น้ำตาล ปรุงรสตามชอบ
แล้วก็เติมปลาหมีก และกระชายหั่นฝอย

7.ต้มไปสักพักให้น้ำแกง ซึมเข้าเนื้อปลาก็เติมใบโหระพาและพริกชี้ฟ้า
8.เสร็จเรียบร้อย ใส่ชามพร้อมทาน





1.มายัดไส้ปลาหมึก ด้วยปลากรายบด ใช้ปลายช้อนกาแฟเล็กๆ
แล้วแต่ความถนัดแต่ละคน ว่าจะใช้อะไร ช่วยให้ง่ายขึ้น

2.ไม่ควรจะยัดแน่นเกิน เพราะเวลาสุกแล้วไส้อาจทะลักออกมาได้
3.กรีดเพื่อ ความสวยงามและเผื่อให้ ปลากราย ขยายตัว เมื่อสุก
แล้วก็นำไปนึ่ง โดยใส่ข่าลงไปในน้ำที่นึ่งด้วย เพื่อดับกลิ่นคาว
ใส่ปลาหมึกลงไปหลังจากที่น้ำในหม้อนึ่งเดือดแล้วนะคะ
4.ไม่ต้องนึ่งนานค่ะ ใส่หลังจากน้ำเดือดแล้ว สัก สาม นาที ก็พอ

5.ผัดเครื่องแกงเขียวหวานกับกะทิให้เข้ากัน เติมหน่อไม้ 6.เติมน้ำปลา น้ำตาล ปรุงรสตามชอบ
แล้วก็เติมปลาหมีก และกระชายหั่นฝอย

7.ต้มไปสักพักให้น้ำแกง ซึมเข้าเนื้อปลาก็เติมใบโหระพาและพริกชี้ฟ้า
8.เสร็จเรียบร้อย ใส่ชามพร้อมทาน






ส้มตำ เป็นอาหารที่คนอีสานชอบและกิน กินกับข้าวเหนียวหรือกินเล่น ๆก็ได้ คนภาคอีสานและภาคเหนือเรียกว่า ตำส้ม การทำส้มตำทำง่ายๆคือ นำมะละกอที่แก่จัดมาปลอกเปลือกออก ล้างเอายางออกให้สะอาดแล้วสับไปตามทางยาวของลูกมะละกอ สับได้ที่แล้วก็ซอยออกเป็นชิ้นบางๆ จะได้มะละกอเป็นเส้นเล็กๆ ปลายเรียว เมื่อได้ปริมาณมากตามต้องการแล้ว ต่อไปก็เตรียม พริก กระเทียม มะนาว น้ำปลา ถ้าเป็นส้มตำแบบอีสานแท้นั้นใช้น้ำปลาร้าแทนน้ำปลาหรือจะใช้ทั้งสองอย่าง      เมื่อเตรียมทุกอย่างครบแล้วก็นำ พริก กระเทียมมาใส่ลงในครก ใช้สากตำละเอียดพอประมาณ ใส่มะละกอที่ซอยไว้แล้วลงไป ตำให้พริก กระเทียม มะละกอคลุกเคล้ากันให้เข้ากันดี หากเตรียมมะเขือเทศและถั่วฝักยาวมาด้วยก็จะฝานผสมลงไป เติมมะนาว น้ำปลาร้า และน้ำปลา ตำคลุกเคล้ากันดีแล้ว ตักชิมรสดู เติมเปรี้ยวหรือเค็มตามต้องการ แล้วตักใส่จาน กินกับข้าวเหนียวได้พร้อมกับกับข้าวอย่างอื่น คนอีสานกินส้มตำเป็นกับข้าวได้ทุกมื้อ
     ต่อมาตำส้มของชาวอีสานแพร่หลายลงมาภาคกลาง อาจเนื่องมาจากชาวอีสานมาทำงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ตำส้มแบบอีสานก็แพร่หลายในกรุงเทพและส่วนอื่นๆของประเทศไทย โดยเฉพาะร้านข้าวเหนียวส้มตำจะแพร่หลายอยู่ตามกลุ่มคนงานชาวอีสาน นอกจากส้มตำก็จะมีไก่ย่าง ปลาดุกย่างและอาหารอื่นๆด้วย ส้มตำเลยเป็นที่นิยมแพร่หลาย การทำส้มตำจึงมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับคนภาคกลาง เช่น เพิ่มน้ำตาลให้มีรสหวาน เพิ่มถั่วลิสงคั่ว และกุ้งแห้ง ตัดปลาร้าออกใช้แต่น้ำปลาเป็นต้น ส้มตำ หรือ ตำส้มจึงมีรสดั้งเดิมแบบอีสาน หรือแบบภาคกลาง เรียกว่า ตำไทย ซึ่งออกรสหวาน ยิ่งกว่านั้นยังมีการเพิ่มปูดองเข้าไปอีกเพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น
     ตำส้มของชาวอีสาน ไม่เฉพาะแต่มะละกอเท่านั้น ผลไม้อย่างอื่นที่ยังไม่สุกก็นำมาทำเป็นตำส้มได้ เช่นขนุนอ่อน มะม่วง มะยม เป็นต้น
     ปัจจุบัน ส้มตำมิใช่แพร่หลายเฉพาะในหมู่คนไทยเท่านั้น ส้มตำแพร่หลายออกไปจนกลายเป็นอาหารที่นานาชาติรู้จักและเป็นอาหารจานโปรดของนักท่องเที่ยวที่โรงแรมชั้นหนึ่งทุกแห่ง ที่สำคัญ ทหารอเมริกันที่มารบกับเวียดนาม มาประจำที่ฐานทัพในประเทศไทย ต่างก็ติดใจตำส้มอีสาน นำไปเผยแพร่ที่อเมริกาจนรู้จักกันไปทั่วโลกทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น